pattern

VPN กับ Firewall ต่างกันอย่างไรในความปลอดภัยไซเบอร์

     252

pattern

vpn-vs-firewall-roles-differences-cybersecurity

การรักษาความปลอดภัยในโลกออนไลน์เป็นเรื่องที่ทุกคนควรใส่ใจเป็นพิเศษ เพราะภัยคุกคามจากไซเบอร์มีมากมาย ทั้งการโจรกรรมข้อมูล หรือแม้แต่การโดนแฮ็กบัญชีผู้ใช้ โดยเครื่องมือที่นิยมใช้ในการปกป้องข้อมูลในโลกออนไลน์ที่หลายคนคุ้นเคยคือ VPN และ Firewall ซึ่งทั้งสองมีหน้าที่แตกต่างกันในการเสริมความปลอดภัย แต่จะมีความแตกต่างกันอย่างไร? วันนี้พี่วัวจะพามาหาคำตอบ

ความแตกต่างระหว่าง VPN และ Firewall

VPN (Virtual Private Network) และ Firewall เป็นเครื่องมือที่ทำงานร่วมกันได้ แต่มีการทำงานที่แตกต่างกัน โดย VPN จะช่วยปกป้องความเป็นส่วนตัวและข้อมูลของผู้ใช้งานในขณะที่ Firewall จะทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันจากการโจมตีจากภายนอก นี่คือจุดที่สำคัญที่ทำให้ทั้งสองมีบทบาทแตกต่างกันในเรื่องความปลอดภัยไซเบอร์

ทำความรู้จัก Firewall ว่าคืออะไรและทำงานอย่างไร

Firewall คืออะไร

ไฟร์วอลล์ (Firewall) เป็นระบบรักษาความปลอดภัยที่ตรวจสอบและควบคุมการรับ-ส่งข้อมูลเครือข่าย ตามกฎที่กำหนดไว้เพื่อป้องกันมัลแวร์ การแฮ็ก และการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาต บริษัทต่าง ๆ ใช้ไฟร์วอลล์เพื่อปกป้องข้อมูลภายในและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานโดยบล็อกเว็บไซต์ที่ไม่จำเป็น ขณะที่บุคคลทั่วไปสามารถใช้ไฟร์วอลล์เพื่อป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์

ไฟร์วอลล์มีหลายประเภท ได้แก่ Stateless Packet-Filtering Firewalls ซึ่งเป็นแบบพื้นฐานที่ตรวจสอบเพียง IP และพอร์ต, Stateful Firewalls ที่วิเคราะห์ข้อมูลโดยพิจารณาสถานะของเครือข่าย และ Proxy Firewalls ที่ทำหน้าที่เป็นเกตเวย์ระหว่างเครือข่ายภายในกับอินเทอร์เน็ต โดยมีการตั้งค่าความปลอดภัยที่หลากหลาย

Firewall ทำงานอย่างไร?

ทุกข้อมูลที่รับส่งผ่านเครือข่าย เช่น อีเมล ไฟล์ดาวน์โหลด และข้อมูลเว็บไซต์ จะถูกส่งมาในรูปแบบ "แพ็กเก็ตข้อมูล" (Data Packet) ซึ่งไฟร์วอลล์จะตรวจสอบแพ็กเก็ตเหล่านี้ตามกฎที่กำหนดไว้ เช่น ต้นทาง ปลายทาง ประเภทของข้อมูล IP Address และหมายเลขพอร์ต จากนั้นจึงตัดสินว่าอนุญาตให้ผ่านหรือบล็อก การตรวจสอบอย่างต่อเนื่องนี้ช่วยป้องกันภัยคุกคามออนไลน์

แม้ว่าไฟร์วอลล์สามารถควบคุมทั้งทราฟฟิกขาเข้า (Inbound) และขาออก (Outbound) แต่ในบางกรณีอาจไม่ได้ตั้งค่าให้บล็อกทราฟฟิกขาออก อย่างไรก็ตาม การบล็อกทราฟฟิกขาออกที่น่าสงสัยจะช่วยลดความเสียหาย หากเครือข่ายถูกโจมตีจากผู้ไม่หวังดี

ประเภทของ Firewall

ไฟร์วอลล์ (Firewall) แบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ ซอฟต์แวร์ไฟร์วอลล์ (Software Firewall) และ ฮาร์ดแวร์ไฟร์วอลล์ (Hardware Firewall)

ซอฟต์แวร์ไฟร์วอลล์ (Software Firewall)

ซอฟต์แวร์ไฟร์วอลล์เป็นโปรแกรมที่ติดตั้งบนอุปกรณ์ เช่น คอมพิวเตอร์ ระบบปฏิบัติการยอดนิยมอย่าง macOS และ Windows มักมาพร้อมกับซอฟต์แวร์ไฟร์วอลล์พื้นฐาน แต่สามารถติดตั้งซอฟต์แวร์ที่มีฟีเจอร์ขั้นสูงกว่าได้

ข้อดีของซอฟต์แวร์ไฟร์วอลล์
  • มักใช้งานได้ฟรี ระบบปฏิบัติการส่วนใหญ่มีไฟร์วอลล์ในตัว
  • ใช้งานง่าย เพียงเปิดใช้งานและตั้งค่าบนอุปกรณ์

ฮาร์ดแวร์ไฟร์วอลล์ (Hardware Firewall)

ฮาร์ดแวร์ไฟร์วอลล์เป็นอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายและอินเทอร์เน็ต โดยทำหน้าที่วิเคราะห์และบล็อกทราฟฟิกที่อาจเป็นอันตราย เช่น มัลแวร์

ข้อดีของฮาร์ดแวร์ไฟร์วอลล์
  • ตั้งค่าเพียงอุปกรณ์เดียว ช่วยลดภาระในการตั้งค่าหลายเครื่อง
  • ป้องกันตั้งแต่ก่อนข้อมูลจะถึงอุปกรณ์ ต่างจากซอฟต์แวร์ที่กรองข้อมูลเมื่อถึงเครื่องแล้ว
  • มีความยืดหยุ่นสูง สามารถกำหนดกฎการกรองทราฟฟิกได้อย่างละเอียด
  • ไม่ลดประสิทธิภาพอุปกรณ์ เพราะการประมวลผลเกิดขึ้นที่ตัวไฟร์วอลล์แทน

แม้ว่า ฮาร์ดแวร์ไฟร์วอลล์ จะมีราคาสูงกว่าซอฟต์แวร์ไฟร์วอลล์ แต่ก็มีความปลอดภัยที่แข็งแกร่งกว่า เหมาะสำหรับองค์กรหรือผู้ใช้ที่ต้องการการป้องกันระดับสูง 

เมื่อทำความรู้จักกับ Firewall แล้วต่อไปพี่วัวจะพาไปรู้จักกับ VPN ไปกันเลยย🐮🌐

ทำความรู้จัก VPN ว่าคืออะไร ทำงานอย่างไร?

VPN คืออะไร

VPN ย่อมาจาก Virtual Private Network คือ โปรแกรมเข้ารหัสข้อมูลที่เดิมทีสร้างขึ้นมาเพื่อป้องกันข้อมูลรั่วไหล หรือถูกเข้าถึงข้อมูลโดยผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาต และเจ้าของ VPN ยังสามารถกำหนดเส้นทางการ Routing ของข้อมูลได้ด้วย เช่น บริษัท A มีระบบภายในที่คนนอกไม่สามารถเข้าถึงได้ หากต้องการใช้ระบบจะต้องใช้คอมภายในออฟฟิศเท่านั้น

ปัจจุบัน VPN สามารถนำมาใช้ในการเข้าถึงเว็บไซต์หรือเซิร์ฟเวอร์ที่ไม่สามารถเข้าได้ในภูมิภาคที่ไม่ได้รับอนุญาต 

  • การรับชมวิดีโอสตรีมมิ่งของต่างประเทศ
  • การเล่นเกมในเซิร์ฟต่างประเทศ
  • การใช้แอปพลิเคชั่นในประเทศที่ไม่ได้รับอนุญาตในกรณีเดินทางไปต่างประเทศ 

VPN ทำงานอย่างไร 

VPN  คือเทคโนโลยีที่ช่วยสร้างการเชื่อมต่อที่ปลอดภัยระหว่างอุปกรณ์ของคุณและอินเทอร์เน็ต โดยการเข้ารหัสข้อมูลทั้งหมดที่ส่งผ่านเครือข่าย ทำให้ข้อมูลที่ส่งไปไม่สามารถถูกดักจับได้ และสามารถซ่อนที่อยู่ IP ของผู้ใช้งานได้ ซึ่งทำให้การใช้งานอินเทอร์เน็ตของคุณปลอดภัยและเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น 

vpn-vs-firewall

สรุปการทำงานของ VPN และ Firewall ได้ดังภาพ VPN (Virtual Private Network) เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยปกปิดตัวตนของผู้ใช้และเข้ารหัสข้อมูลผ่าน VPN Tunnel ทำให้ที่อยู่ IP จริงของผู้ใช้ถูกซ่อนและเปลี่ยนเป็น IP ของเซิร์ฟเวอร์ VPN ซึ่งช่วยป้องกันการดักฟังข้อมูลและเพิ่มความเป็นส่วนตัวในการใช้งานอินเทอร์เน็ต ขณะที่ Firewall ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันเครือข่ายโดยคัดกรองและควบคุมทราฟฟิกที่เข้าออกจากระบบ อนุญาตเฉพาะทราฟฟิกที่ปลอดภัย และบล็อกทราฟฟิกที่ไม่พึงประสงค์ เช่น มัลแวร์หรือการโจมตีทางไซเบอร์ ดังนั้น VPN มุ่งเน้นไปที่การป้องกันข้อมูลและซ่อนตัวตนของผู้ใช้ ส่วน Firewall เน้นการป้องกันเครือข่ายจากภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นจากอินเทอร์เน็ต การใช้ทั้งสองเทคโนโลยีร่วมกันช่วยเสริมความปลอดภัยให้กับระบบเครือข่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

เมื่อไหร่ที่ควรใช้ Firewall กับ VPN?

ทั้ง Firewall และ VPN ต่างก็มีบทบาทที่สำคัญ แต่ควรใช้ในสถานการณ์ที่ต่างกัน

  • ใช้ Firewall เมื่อคุณต้องการปกป้องเครือข่ายจากการโจมตีจากภายนอก โดยการควบคุมการเชื่อมต่อจากอินเทอร์เน็ตมายังเครือข่ายของคุณ
  • ใช้ VPN เมื่อคุณต้องการปกป้องความเป็นส่วนตัวและข้อมูลของคุณขณะท่องเว็บ หรือทำงานจากที่ใดก็ตาม เช่น การเชื่อมต่อ Wi-Fi สาธารณะ ซึ่งไม่ปลอดภัย

ควรใช้ทั้ง Firewall และ VPN หรือไม่?

การใช้ทั้ง VPN และ Firewall พร้อมกันจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้มากยิ่งขึ้น เพราะทั้งสองเครื่องมือทำงานในลักษณะต่างกัน โดยที่ Firewall จะทำหน้าที่ป้องกันจากภัยคุกคามภายนอก และ VPN จะช่วยปกป้องข้อมูลส่วนตัวและการท่องเว็บให้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ดังนั้นการใช้ทั้งสองเครื่องมือจึงเป็นการเสริมความปลอดภัยอย่างมีประสิทธิภาพ

VPN สามารถหลบหลีก Firewall ได้หรือไม่?

การใช้งาน VPN สามารถช่วยหลีกเลี่ยงการบล็อกของ Firewall ได้ในบางกรณี เนื่องจาก VPN ทำการเข้ารหัสข้อมูลและซ่อนที่อยู่ IP ของผู้ใช้งาน ซึ่งทำให้ Firewall ไม่สามารถตรวจจับได้ว่าผู้ใช้กำลังเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ VPN อยู่ แต่บางครั้งก็สามารถตั้งค่า Firewall เพื่อบล็อกการเชื่อมต่อ VPN ได้

vpn-vs-firewall

Firewall สามารถบล็อกการเชื่อมต่อ VPN ได้หรือไม่?

Firewall บางประเภทสามารถบล็อกการเชื่อมต่อกับ VPN โดยการตรวจจับและบล็อกพอร์ตที่ใช้โดย VPN หรือแม้แต่การสแกนข้อมูลที่ส่งผ่านเครือข่าย หากพบว่าเป็นการเชื่อมต่อกับ VPN ก็จะทำการบล็อกการเชื่อมต่อนั้น

วิธีตรวจสอบว่า Firewall บล็อก VPN หรือไม่

หาก VPN ของคุณไม่สามารถเชื่อมต่อได้ อาจเกิดจากไฟร์วอลล์ที่บล็อกการใช้งาน ต่อไปนี้คือสัญญาณที่บ่งบอกว่าไฟร์วอลล์อาจเป็นต้นเหตุ

  • เชื่อมต่อ VPN ไม่ได้บนบางเครือข่าย แต่ใช้งานได้ตามปกติบนเครือข่ายอื่น แสดงว่าเครือข่ายนั้นอาจมีไฟร์วอลล์ที่บล็อก VPN
  • อินเทอร์เน็ตช้าลงผิดปกติ หลังจากพยายามเชื่อมต่อ VPN ซึ่งอาจเกิดจากไฟร์วอลล์จำกัดหรือบล็อกทราฟฟิกบางส่วน
  • ได้รับข้อความแจ้งข้อผิดพลาด (Error Message) ไฟร์วอลล์บางตัวอาจแสดงข้อความแจ้งเตือนว่ากำลังบล็อกการเชื่อมต่อ VPN

ปลดบล็อก Great Firewall ในประเทศจีนด้วย VPN 

Great Firewall ในประเทศจีน

อย่างที่เราทราบกันว่าการใช้บริการต่างๆ เช่น Facebook, Instagram หรือ TikTok และเว็บไซต์ต่างๆ ในประเทศจีนนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจาก Great Firewall จะทำการบล็อกการเข้าถึงเว็บไซต์โดยตรง  หากคุณอยากใช้งานบริการเหล่านี้ในจีน คุณจะต้องใช้ VPN เป็นตัวช่วย เพื่อทะลุผ่านการบล็อกของ Great Firewall

💡ทำความรู้จัก Great Firewall มากขึ้น

การใช้ VPN เป็นตัวช่วยทะลุผ่านบล็อกเว็บไซต์ในจีน 

วิธีที่ง่ายและปลอดภัยที่สุดในการทะลุบล็อก Great Firewall คือการใช้บริการ VPN ซึ่งจะช่วยให้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของคุณปลอดภัยและหลีกเลี่ยงการเซ็นเซอร์ของรัฐบาลจีนได้ ด้วย VPN คุณสามารถเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ในต่างประเทศและเข้าถึงเว็บไซต์ที่ถูกบล็อกจาก Great Firewall ได้อย่างปลอดภัย

สำหรับการใช้งาน VPN ที่มีประสิทธิภาพในการทะลุผ่าน Great Firewall พี่วัวขอแนะนำ BullVPN ซึ่งเป็นบริการ VPN ที่มีความเสถียรและปลอดภัย ช่วยให้คุณสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัยโดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการบล็อกหรือการจำกัดการเข้าถึงจาก Great Firewall ไม่ว่าคุณจะอยู่ในประเทศจีนหรือที่ไหนก็ตาม

bullvpn

วิธีการใช้งาน BullVPN 

  1. สมัครสมาชิกกับ BullVPN ได้ที่: https://www.bullvpn.com/th/signup 
  2. ดาวน์โหลดแอป BullVPN หลังจากสมัครเสร็จแล้ว ดาวน์โหลดแอป BullVPN ลงในอุปกรณ์ที่คุณใช้งาน

เมื่อเชื่อมต่อ VPN แล้ว ให้เลือกเซิร์ฟเวอร์ในประเทศที่สามารถเข้าถึง  Facebook, IG, TikTok หรือ Google ได้ เช่น ไทย, ญี่ปุ่น, แคนาดา, เกาหลีใต้ และเวียดนาม  

 

บทความแนะนำ

VPN ฟรี VS VPN เสียเงิน ต่างกันอย่างไร? เลือกแบบไหนดี? 

วิธีการเพิ่มจำนวนการเชื่อมต่อ บริการใหม่จาก BullVPN

การเติบโตของตลาด VPN ในอนาคต